ทัวร์ เที่ยวยโสธร 2567 | เที่ยวยโสธรให้แซ่บอีหลี ถิ่นประเพณีแห่มาลัยข้าวตอก

อรุณสวัสดิ์ยามเช้าเมืองร้อยเอ็ด

06.00 ชมภาพบรรยากาศยามเช้า   แสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ แผ่แสงสีทองโผล่พ้นบนท้องฟ้าและทาทาบลงบนพุทธสถานหินทราย “เจดีย์หินทราย…บุโรพุทโธเมืองไทย”  ณ  วัดป่ากุง  พุทธสถานแห่งนี้สร้างมาจากหินทรายธรรมชาติเป็นแห่งแรกในประเทศไทย โดยจำลองแบบ การก่อสร้างมาจากบุโรพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย สถาปัตยกรรมชั้นนำ 1 ใน 7 ของโลก

08.00 ลิ้มลองไข่กระทะหอม ๆ อร่อย ๆ กินคู่กับโจ๊กหมูร้อน ๆ และขนมปังญวนไส้จัดเต็มที่ร้านแอ๋วไข่กระทะ

จากนั้นออกเดินทางไปยังจังหวัดยโสธร   เมืองบั้งโก้แห่บั้งไฟ  ตำนานเมืองพญาคันคากและผาแดงนางไอ่

10.30 เดินทางถึงชุมชนบ้านฟ้าหยาด ชุมชนต้นกำเนิดประเพณีแห่มาลัยข้าวตอก เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

11.00-14.30  ร่วมกิจกรรม Workshop ร้อยมาลัยข้าวตอกกับครูชาวบ้านฟ้าหยาด ที่จะมาแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความสำคัญของมาลัยข้าวตอก ที่มา  รวมไปถึงวิธีการทำ

โดยเราจะเริ่มจากการนำข้าวตอกมาคั่วให้พอง  แล้วนำข้าวตอกสีขาวมาร้อยให้เป็นสาย  เมื่อได้จำนวนที่มากพอจะนำสายข้าวตอกมาขึ้นพวงมาลัยเป็นลวดลายสวยงาม

12.00 ทานมื้อเที่ยงอร่อย ๆ ร่วมกันกับชาวบ้านอย่างเอร็ดอร่อย   โดยเราจะได้ลิ้มลองอาหารรสชาติพื้นเมืองที่สุดแสนอร่อยและของหวานที่หาทานได้ยาก เช่น ลอดช่องข้าวตอก

15.35 ทอดน่องย้อนรอยย่านการค้าโบราณ 200 ปี ”บ้านสิงห์ท่า” ที่นี่ได้รับอิทธิพลมาจากฝรั่งเศส ตึกรามบ้านช่องแถวนี้จึงมีกลิ่นอายขอสถาปัตยกรรมแบบชิโน – โปรตุกีส

จากน้ันไปนมัสการพระพุทธบุษยรัตน์ หรือ พระแก้วหยดน้ำค้าง ที่วัดมหาธาตุ พระแก้วหยดน้ำนี้มีขนาดเล็กกว่าฝ่ามือของคนเรา แต่นับได้ว่าเป็นพระประจำเมืองที่สำคัญมาก เพราะได้รับการพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองยโสธร

เย็นหน่อยเราจะไปเดินชมเรื่องเล่าตำนานเมือง  ประวัติศาสตร์  และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแห่งเมืองยโสธรที่พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก และพิพิธภัณฑ์พญานาค แลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่โดดเด่นแปลกตาของจังหวัดยโสธร  พร้อมทั้งชมวิวอาทิตย์อัสดงลงแม่น้ำโขงด้วย

19.00 ทานอาหารเย็นอร่อย ๆ ที่ร้านอาหารคุณย่า   ร้านอาหารรับแขกบ้านแขกเมืองประจำจังหวัดยโสธร รับประกันความแซ่บ!!!

คืนนี้  เราจะพักกันที่โรงแรมเล็ก ๆ ในเมืองยโสธร พักห้องละ 2 ท่าน : The Colour hotel หรือ โรงแรมช้างใหญ่ ใจดี หรือระดับเทียบเท่า

06.00 นุ่งซิ่น ตักบาตรเช้าที่ย่านการค้าเก่า 200 ปี บ้านสิงห์ท่า สัมผัสบรรยากาศเย็นๆ ยามเช้าอันแสนเรียบง่าย

07.00 รับประทานอาหารเช้าเติมพลังกันเสียก่อน

08.00 ออกเดินทางไปยังชุมชนบ้านฟ้าหยาด เพื่อไปเก็บงานมาลัยข้าวตอกอีกวัน

09.00 เริ่มลงมือเก็บงานร้อยมาลัยข้าวตอกกันต่อ

”ร้อยมาลัยข้าวตอก แทนดอกมณฑารพ

นบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”

”มาลัยข้าวตอก ” นี้มาที่จากช่วงที่หลังจากจบช่วงฤดูกาลเกี่ยวข้าว ก่อนถึงวันมาฆบูชา ชาวบ้านจะนำ ”ข้าวตอกสีขาว” มาร้อยเป็นมาลัยสายยาว เพื่อแทน ”ดอกมณฑารพ” ซึ่งถือเป็นดอกไม้ทิพย์แห่งสรวงสวรรค์

ความเป็นมาของประเพณีนี้ มีปรากฏในพระไตรปิฎกส่วนที่ว่าด้วยพระสุตตันตปิฎก บทปรินิพพานสูตร “ ดอกมณฑารพ ซึ่งเป็นดอกไม้บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีความสวยงามและมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ เวลาที่ดอกมณฑารพจะบาน หรือร่วงหล่น ก็ต้องมีเหตุการณ์สำคัญๆเท่านั้น คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน จตุรงคสันนิบาต และทรงแสดงพระธัมมจักกัปปวัตนสูตร ดอกมณฑารพจึงได้ร่วงหล่นลงมายังโลกมนุษย์   ครั้งเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ที่เมืองกุสินารา ดอกมณฑารพ นี้ก็ได้ร่วงหล่นลงมาทั้งก้านและกิ่ง เปรียบเหมือนความเสียอกเสียใจต่อการเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมถึงเหล่าพระภิกษุ ผู้ได้ชื่อว่าอรหันตขีนาสพทั้งหลายด้วย หมู่เหล่าข้าราชบริพาร ประชาชนทั้งหลายได้พากันมาถวายสักการะพระบรมศพ อีกทั้งยังได้พากันเก็บนำดอกมณฑารพที่ร่วงหล่นลงมาเพื่อไปสักการบูชา และรำลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไปดอกมณฑารพ ที่เก็บมาสักการะบูชาเริ่มเหี่ยวแห้งและหมดไป”

12.00 รับประทานอาหารกลางวันแบบง่าย ๆ ที่โฮมสเตย์

13.00 ร่วมกันถวายมาลัยข้าวตอกเพื่อเป็นพุทธบูชา  และเข้าไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มาลัยข้าวตอกที่วัดหอก่อง  ซึ่งเป็นสถานที่ที่เก็บมาลัยข้าวตอกขนาดต่างๆ และลวดลายแตกต่างกันไป

14.00 ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ

19.00 รับประทานอาหารเย็นแถวบริเวณอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

22.00 เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพและเต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำ

หมายเหตุ โปรแกรมทริปอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ โดยที่มิต้องแจ้งล่วงหน้า เนื่องจากสภาวะอากาศและปัจจัยอื่นๆอีกมากที่อาจทำให้การเดินทางไม่เป็นไปตามแผน และควบคุมไม่ได้ แตทางเราจะยึดมั่นถึงความสุขและรอยยิ้มของท่านเป็นสำคัญ