ทัวร์เดินป่า น้ำตกปิตุ๊โกร (เปรโต๊ะลอซู) 2567 ไปเรียนภาษารักจากหัวใจแห่งผืนป่าอุ้มผางกันเถอะ

06.00 เดินทางถึง “ร้านอาโม อาปากาแฟสด” ยืดเส้นยืดสาย เรียกความสดชื่นให้กับร่างกายด้วยการสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเข้าสู่ปอด หลังจากนั้นล้างหน้า แปรงฟัน เปลี่ยนชุดพร้อมสำหรับลุย

07.00 รับประทานอาหารเช้าเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย หลังจากนั้น เตรียมเช็คสัมภาระกันอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะไม่หลงลืมสิ่งที่จำเป็น

เตรียมสิ่งของที่จำเป็นในการเดินป่า ได้แก่

1.เสื้อกันหนาว
2.เสื้อผ้าชุดนอน 1 ชุด
3.ผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก ๆ 1 ผืน
4.หมอนลม
5.รองเท้าแตะ
6.ถุงเท้า 2 คู่
7.ไฟฉายคาดหัว
8.ถุงนอน
9.เสื้อกันฝน หรือร่ม
10.สิ่งของมีค่า ,กล้องคู่ใจที่มีอุปกรณ์กันน้ำ (กรณีที่มี)

**สัมภาระทั้งหมดที่นำขึ้นบนเขาให้แพ็คลงถุงพลาสติกหรือถุงซิบ รีดอากาศให้อยู่ในสภาพสุญญากาศ แล้วม้วนปิดปากถุงให้เรียบร้อย จากนั้นแพ็คลงเป้ให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันสัมภาระเปียกจากสายฝน

**สำหรับชุดที่จะใส่กลับและของที่ไม่จำเป็นต้องใช้ ให้แยกชุดฝากไว้ที่รถตู้ได้เลยจ้า

08.30 ได้เวลานั่งรถกระบะสองแถว ปุเลง ปุเลง เดินทางมุ่งหน้าไปยัง “หมู่บ้านกุยเลอตอ” หมู่บ้านเชื้อสายชาวกะเหรี่ยง ที่แสนสงบและเรียบง่าย เป็นเสมือนปราการด่านหน้า ก่อนที่เราจะได้เข้าไปตามหาหัวใจของสายน้ำ และสัมผัสความสมบูรณ์ของธรรมชาติในผืนป่าอุ้มผาง (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง)

11.00 ถึงหมู่บ้านกุยเลอตอ หลังจากลงทะเบียนแล้ว ก็พบกับทีมลูกหาบ สำหรับท่านที่ต้องการเดินตัวปลิว (ค่าลูกหาบ 600 บาท มีโควตา 6 กิโล) จัดแจงแยกสัมภาระที่จะให้ลูกหาบแบก ตรวจเช็คความพร้อมครั้งสุดท้าย

11.30 ฤกษ์งามยามดี ได้เวลาออกเดินทางไปตามหา “หัวใจแห่งป่า” กันแล้วค่ะ – ก่อนเริ่มเดินเท้า ทีมงานแจกน้ำดื่มให้พกติดตัวระหว่างเดินทางคนละ 2-3 ขวด + ข้าวห่อ + เสื้อกันฝน (แนะนำให้พกของตัวเองไม่ฝากใครไว้นะจ๊ะ)

กายพร้อม ใจพร้อมแล้ว ก็ลุยกันเลยจ้า (ใช้เวลา 3-5 ชั่วโมงในการเดิน ขึ้นอยู่กับเสต็ปการเดินของแต่ละคนจ้า)ระหว่างทางเราจะเริ่มต้นด้วยการ “กอดต้นไม้”   เพื่อทำความรู้จักซึ่งกันและกัน

เริ่มต้นด้วยการเดินลุยลำธารให้เท้าได้ชุ่มฉ่ำ เป็นการต้อนรับเข้าสู่ความชุ่มชื่นของหัวใจ หลังจากนั้นเราจะเปลี่ยนมาเป็นการเดินย่ำเส้นทางที่เป็นโคลน  ลื่นปรี๊ด  ลื่นปรี๊ด ในช่วงแรก เป็นการพิสูจน์ความเหนียวแน่นของการใส่รองเท้า ต้องคอยสำรวจให้ดีว่า ทุกก้าวที่ย่ำขึ้นมา รองเท้าเรายังอยู่หรือไม่ ^^ (สภาพเส้นทางแห่งโคลน ขึ้นอยู่กับปริมาณฝนที่ตกลงมาในช่วงนั้นๆ จ้า หากตกมาก สภาพก็จะหนักมากเช่นกัน เตรียมใจไว้ก่อนได้เลยจ้า)

อิสระในการทานมื้อกลางวันเลยจ้า

ในระหว่างเส้นทางการเดิน จะได้สัมผัสกับวิธีชีวิตของชาวกะเหรี่ยง ผ่านภาพของการทำไร่ข้าวโพดดอย นาขั้นบันได และยังได้เห็นกระท่อมที่ไม่ใช่กระท่อมปลายนา แต่เป็นกระท่อมกลางป่า หรืออาจจะได้เห็นชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่ ก็สามารถพูดคุยทักทายกันได้ เป็นการสร้างมิตรภาพระหว่างทางไปในตัว

ตลอดเส้นทางที่ผ่านจะได้สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติที่หลากหลาย ช่วงนี้ยังชิลๆ ค่ะ เดินเรื่อยๆ ลัดเลาะไปตามลำธาร ย่ำไปตามสายน้ำบ้าง ข้ามลำธารบ้าง ก็พอให้คลายร้อนกันไปได้ ผืนป่าสองข้างทางระหว่างทางเดิน ก็มีสิ่งมีชีวิตให้เราได้ชื่นชมไม่ขาดค่ะ ทั้งต้นไม้เล็กๆจนถึงต้นไม้ขนาดใหญ่ เห็ดชนิดต่างๆ ดอกไม้ที่แย้มกลีบบานให้เราได้เชยชม แม้จะเหนื่อย และสมบุกสมบันพอสมควร แต่ก็ทำให้ชื่นใจละลายความเหนื่อยล้าไปได้

และช่วงสุดท้ายของการเดินก็มาวัดกำลังขากับเนินเขาเล็ก ๆ ราว 2 กิโลเมตร

15.00 โดยประมาณ เดินเท้าถึงจุดพักแรม แค้มป์ข้างน้ำตก ทีมงานเราจะเลือกสรรพื้นที่เหมาะๆ ในสำหรับตั้งแค้มป์ กางฟลายชีทคลุมเป็นหลังคาคลุมเต็นท์นอนอีกชั้นหนึ่ง พร้อมกับแจกอุปกรณ์การนอนให้กับสมาชิกทุกคน คือ เต้นท์ แผ่นรองนอน แผ่นรองพื้นเต้นท์ (ป้องกันน้ำซึมเวลาฝนตก) และแผ่นรองนั่ง

สำหรับสมาชิกที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการกางเต้นท์ นี่จะเป็นโอกาสที่จะทำให้ทุกท่านได้เรียนรู้ว่า การกางเต้นท์ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลยจ้า หรือท่านใดที่กางเต้นท์ของตัวเองเสร็จแล้ว ยังสามารถไปช่วยเพื่อนเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้อีกด้วยนะจ๊ะเวลายังเหลือๆ สามารถเล่นน้ำเย็นๆ เรียกความสดชื่น คลายความเหนื่อยล้ามาทั้งวันได้เลยจ้า แต่เราขอความร่วมมือไม่ใช่สารเคมีใดๆ ในการชำระร่างกายนะจ๊ะ เพื่อเป็นการช่วยอนุรักษ์สายน้ำให้ใสสะอาดคงความบริสุทธิ์ของธรรมชาติต่อไปจ้า

17.00 เมื่อแค้มป์พร้อม ที่นอนพร้อม ก็ได้เวลาลงมือช่วยกันสร้างสรรค์เมนูสำหรับมื้อเย็นแล้วจ้า ใครที่ชอบทำอาหารอยากจะโชว์ฝีมือ เป็นลูกมือช่วยสตาฟได้เต็มที่เลยจ้า หรือใครยังไม่เคยได้เข้าครัวที่บ้าน ก็ลองมาเป็นแม่ครัว-พ่อครัวมือสมัครเล่นได้เลยจ้า เรียกว่าเป็นการเรียนรู้อีกหนึ่งทักษะการใช้ชีวิตในป่าได้เลย

18.00 ได้เวลาเติมพลังงานให้กับร่างกายแล้วจ้า เต็มอิ่มกับมื้ออาหารที่ทีมงานตั้งใจคิดเมนูสำหรับสายลุยได้เลย

19.00 หลังทานอาหารเย็นเสร็จ รวมวงสนทนาใบไม้แทนใจ ”แนะนำตัวเอง”ผ่านใบไม้ที่เราชอบ จากนั้น  เราจะไป ”บอกรักตัวเองกัน”  และเขียนจดหมายรักถึง “ใคร”สักคน ก่อนนอน

ตื่นเช้ารับแสงอรุณ จิบชา ดื่มกาแฟควันหอมฉุย ท่ามกลางธรรมชาติ  สูดรับอากาศสดชื่นยามเช้าให้เต็มปอด ปลุกความพร้อมของร่างกายด้วย Morning Coffee station กาแฟดริฟเข้มข้นหอมกรุ่น  ดื่มคู่พร้อมกับขนมปังหรือคุกกี้อร่อย ๆ สไตล์ European breakfast รองท้องยามเช้า

07.30 เติมพลังงานมื้อเช้า สมาชิกทุกคนเตรียมน้ำดื่มประจำตัว + ห่อข้าว

08.30 พร้อมออกเดินทางไปพิสูจน์ความสวยงามของ “สันดอยมะม่วงสามหมื่น” และไปตามหานิยามความรักของแต่ละคนกันค่ะ (สำหรับยอดดอยมะม่วงสามหมื่น อยู่ฝั่งพม่าค่ะ หากต้องเดินไปให้ถึงจริงๆ ใช้เวลาเดินก็อีก 2-3 วัน เพื่อจะข้ามแดนไปจ้า)

ระหว่างเส้นทางเดินเรียบสันเขาที่ สามารถมองเห็นน้ำตกรูปหัวใจจากเบื้องสูงได้จ้า เป็นอีกหนึ่งมุมของความสวยงามของสายน้ำที่มาบรรจบกันของน้ำตกเปรโต๊ะลอซู (ปิตุ๊โกร) เมื่อเดินถึงจุดสูงสุดของสันเขา รวมไปถึงวิวยอดเขาที่เรียงราย สลับซับซ้อนคล้ายภาพปะติมากรรมนูนสูงต่ำเป็นทิวแถวกว้างยาวออกไปสุดลูกหูลูกตาทางเดินเป็นเส้นทางขึ้นเขาที่สูงและชัน

12.00 ทานข้าวกลางวันหลักสิบแต่วิวหลักหมื่น กันบนสันเขาของยอดดอยมะม่วงสามหมื่อน พร้อมกับวิวทะเลภูเขาอย่างสบายใจระหว่างเส้นทางเดิน เราจะไปตามหา ”ตัวแทนนิยามแห่งรัก”…เพื่อบอกเล่าความรู้สึกระหว่างเรา

15.00 ได้เวลา “บอกรักกัน ฉันและเธอ” ที่  “น้ำตกรูปหัวใจ” ที่แสนจะยิ่งใหญ่และสวยงามกลางป่าอุ้มผางอันสมบูรณ์ ด้วยความสูงกว่า 500 เมตร ซึ่งว่ากันว่าตอนนี้เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในประเทศไทย

สายน้ำสีขาวที่แบ่งออกเป็นสองสายตีโอบล้อมพาดผ่านภูผาใหญ่ ก่อนจะมาบรรจบกัน มองคล้ายกับรูปหัวใจขนาดใหญ่ มีต้นกำเนิดจากลำห้วยปิตุ๊โกรนั่นเองตรงนี้

16.30 ถ่ายรูปเก็บความประทับใจแล้ว เดินเท้ากลับไปยังจุดตั้งแค้มป์

17.30 พักผ่อนอัธยาศัยที่แค้มป์ เล่นน้ำฮาเฮ

18.30 ได้เวลาปาร์ตี้มื้อเย็นเติมพลังงานที่เสียไปกันแล้ว วันนี้ทีมงานเราจัดเตรียม Wow Dinner อร่อย ๆ ในแบบฉบับของ TKT ที่ได้รับการกล่าวชมมาแล้วเกือบทุกทริปว่าอร่อยจริง ๆ

หลังจากทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว   ได้เวลาล้อมวงสนทนา  “ความรักที่ฉันได้พบ” 

ตื่นรับแสงแดดยามเช้า วันนี้สบายๆ ชิลๆ ค่อยซึมซับความสดชื่นของธรรมชาติกันอย่างเต็มที่ หากโชคดีก็จะได้พบกับสายหมอกคลอเคลียกับสายน้ำยามเช้าด้วย

07.30 รับประทานอาหารเช้า เก็บตกชมวิว เก็บสัมภาระเตรียมตัวเดินทางกลับ

08.00 ได้เวลาอำลาผืนป่าแห่งอุ้มผางแล้ว ฝากภาพความประทับใจไว้กับที่แห่งนี้ ใช้เวลาในการเดินลงเขา ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับฝีเท้าของสมาชิก วันนี้เราจะไปไม่กลับกันไปมือเปล่า แต่เราช่วยกัน “พาน้องขยะกลับบ้าน” โดยการเก็บขยะ เริ่มจากบริเวณแค้มป์ของเราตลอดเส้นทางไปจนถึงด้านนอกป่า เราจะพาน้องขยะไปส่งบ้านเขาในเมือง เพื่อความสะอาดของพื้นที่เขตหัวใจแห่งป่า   ก่อนออกจากป่าเราจะแวะ “กอดต้นไม้”  กันอีกครั้ง  เพื่อกล่าวคำขอบคุณ ที่ช่วยดูแลและเติมพลังความรักให้กับพวกเราตลอดระยะเวลา 3 วัน 2 คืน

11.30 โดยประมาณ ถึงหมู่บ้านกุยเลอตอ รับเครื่องดื่มเย็น ๆ ดื่มให้ชื่นใจกันแบบเต็มที่ จากนั้นนั่งรถกลับไปยังเมืองอุ้มผาง

14.00 อาบน้ำ เรียกความสดชื่นอาบน้ำแต่งตัวกันที่รีสอร์ท เดินยืดเส้นยืดสายกันสักหน่อย

18.00 รับประทานอาหารเย็นอร่อย ๆ ที่อำเภอแม่สอด จ.ตาก

19.00 อำลา อ.อุ้มผาง เดินทางกลับสู่ กทม.

02.00 โดยประมาณเดินทางถึง กทม.โดยสวัสดิภาพ

หมายเหตุ โปรแกรมทริปอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ โดยที่มิต้องแจ้งล่วงหน้า เนื่องจากสภาวะอากาศและปัจจัยอื่นๆ อีกมากที่อาจทำให้การเดินทางไม่เป็นไปตามแผน และควบคุมไม่ได้ แตทางเราจะยึดมั่นถึงความสุขและรอยยิ้มของท่านเป็นสำคัญ

ราคาทริปท่านละ : 5885 บาท (แบกสัมภาระส่วนตัว+ถุงนอนเอง)  –  รวม VAT 7 %  แล้ว

options:

1 กรณีเดินทางไปเจอกับทีมงานที่ตลาดอุ้มผาง  บริเวณ 7-eleven   ราคาท่านละ 4816 บาท

**ทั้งนี้ต้องมีสมาชิกออกเดินทางจากกรุงเทพฯ 6 ท่าน จึงจะการันตีการออกเดินทางได้จ้า

*** ราคานี้ไม่รวมอาหารมื้อเย็นวันเดินทางกลับและค่ารถตู้เดินทางไป-กลับกรุงเทพฯ-อุ้มผาง(ซึ่งถ้าสมัครแบบไปจากกทมจะรวมให้ทั้งหมด)**รับแบบเดินทางเองไม่เกิน 2 ท่าน/ตู้**

2. ต้องการเดินตัวปลิว มีลูกหาบแบกของให้ มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 600 บาท – มีโควตาให้ 6 กิโลกรัม เราแนะนำให้คัดไปเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น เช่น เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน ถุงนอน  ไฟฉาย เป็นต้น สำหรับของมีค่าเราแนะนำให้แบกเอง เช่น ขาตั้งกล้อง เลนส์ เพราะอาจเกิดความเสียหายระหว่างเส้นทางได้เนื่องจากลูกหาบมาตรฐานไทยไม่อาจประกันเรื่องความเสียหายได้เลย ลูกหาบที่ช่วยแบกนี้จะไม่ใช่ลูกหาบส่วนตัวของสมาชิกท่านใดท่านหนึ่งนะคะ เนื่องจากลูกหาบจะแบ่งและเฉลี่ยน้ำหนักสัมภาระทั้งหมด รวมไปถึงสัมภาระกองกลาง ด้วย โดยลูกหาบ 1 คนจะจำกัดน้ำหนักได้ไม่เกิน 20 กิโลกรัมจ้า ดังนั้นหากนำของไปมากเกินไปก็จะลำบาก โดยทีมงานเรายินดีให้คำปรึกษาการจัดของเพื่อให้ลงตัวที่สุด **ทั้งนี้รบกวนแจ้งให้ทีมงานทราบพร้อมใบสมัครทริปหรือก่อนเดินทางอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อติดต่อและหาลูกหาบเพิ่มได้ทัน**

3. สมาชิกตลอดชีพ ได้ส่วนลด 150 บาท/ทริป(ค่าสมัครสมาชิกตลอดชีพ 500 บาทต่อท่าน เหมาะกับท่านที่จะเที่ยวกับเราหลายๆทริปต่อเนื่อง ได้รับของที่ระลึกและข่าวสารทัวร์ใหม่ๆ พร้อมสิทธิในการไปกับทริปพิเศษต่างๆ)4. กรณีต้องการพักเดี่ยวเพิ่มท่านละ 500 บาท (จัดเต้นท์เดี่ยวให้)

4.ถ้ามีสมาชิก 6 ท่าน ต้องการจะเป็นกรุ๊ป Private ท่านสามารถกำหนดวันจัดเองได้ แต่ต้องโอนมัดจำมาล่วงหน้า 3 อาทิตย์ก่อนเดินทาง เพื่อเตรียมตัว หรือ หากจะไปวันธรรมดาก็ได้สามารถเปิดรับสมัครสมาชิกเพิ่มเพื่อลดค่าใช้จ่ายก็ได้ราคากรุ๊ปเหมาจะคิดตามจำนวนคน ณ วันไปจริง(โปรดสอบถาม)

ยืนยันทริปได้โดยโอนเงินมัดจำท่านละ 3000 บาท

สามารถโอนทางอินเตอร์เนตแบ็งค์กิ้งได้มาที่

บัญชีออมทรัพย์ ชื่อ บริษัทเทรคกิ้งไทย จำกัด
1. บัญชี ธ.กสิกร สาขาบางยี่ขัน เลขที่ 036-1-53083-7 ออมทรัพย์

จากนั้นให้พิมพ์ใบสมัครทริปที่ลิงค์ด้านล่าง แล้วส่งทาง อีเมล์ [email protected] หรือ ไลน์แอด @trekkingthai

อย่าลืมแจ้ง ชื่อ-นามสกุลจริง อายุ เพศ อีเมล์ และเบอร์โทรที่ติดต่อได้ ของผู้เดินทาง ( เพื่อการทำประกัน )หรือสแกนสลิป + ใบสมัครส่งไปที่ [email protected]

ใบสมัคร

• แบบ ส่งอัตโนมัติ (ต้องมีภาพสลิปการโอนพร้อมแนบเรียบร้อยแล้ว)http://www.trekkingthai.com/wordpress/?page_id=2502
• แบบ pdf       http://www.trekkingthai.com/tour/tkt_apply.pdf
• แบบ word   http://www.trekkingthai.com/tour/tripapply.docx
• ใบสมัครสำหรับลูกค้าเก่าเคยมากับเราหรือสมาชิก(มีหมายเลขสมาชิกแล้ว)
  • แบบ ส่งอัตโนมัติ (ต้องมีภาพสลิปพร้อมแนบ) http://www.trekkingthai.com/wordpress/?page_id=3021

เราจะมีการตอบกลับทุกครั้งที่ได้รับใบสมัคร กรณีส่งอีเมล์หรือส่งแฟกซ์มาแล้วมาแล้วไม่มีใครติดต่อกลับในช่วง 2 วันทำการก็ขอให้โทรมาสอบถาม เพื่อป้องกันการตกหล่นของเอกสาร

จันทร์ – ศุกร์ ช่วงเวลา 10.00 – 19.00 น.

แชทกับเราได้ง่ายๆ และ ได้ข่าวดีๆก่อนใครไลน์ @trekkingthai กดแอดได้เลย

โทรจองได้ที่ 02-2780225/ 088-0889888